มะเร็งกับธรรมชาติบำบัด

มะเร็ง คือ ธรรมชาติของการปรับตัวของเซลล์ อันเนื่องมาจาก การที่เลือดของเรากลายเป็นพิษเกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิตต่อไปได้ ถ้าหากเซลล์เหล่านั้นไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้นจะป่วยและตาย เซลล์เหล่านั้นจึงตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ในร่างกายมนุษย์มีความสามารถที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง การปรับตัวของเซลล์ จึงเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ

เป็นที่น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลกบอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย-คีโม หรือ การทำลายเซลล์มะเร็งด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็งจึงผ่าเหล่าตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมากก็จะผ่าเหล่า- ต่อไปอีก-ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุที่เราพบเห็น ผู้ป่วยมะเร็งที่ถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุดลงไปใหม่อีก จากมุมมองของเซลล์ หากมันไม่ผ่าเหล่า มันจะต้องตาย การผ่าเหล่าของเซลล์ จึงเป็นธรรมชาติ

มะเร็ง แท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการของกลุ่มเซลล์ ที่พยายามรอดตายจากสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้นลงเอยด้วยการ-ฆ่าร่างกาย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่แท้จริง การพยายามฆ่าเซลล์เหล่านั้น โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม เปรียบได้กับการฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายามเอาขยะออกไป

วิธีการรักษามะเร็งแบบธรรมชาติ ใช้แนวทางแบบธรรมชาติบำบัด โดยการเปลี่ยน พฤติกรรมการใช้ชีวิต ให้กลับไปสู่ธรรมชาติให้มากที่สุด ควรปฏิบัติตัวสม่ำเสมอ ตั้งแต่การเลือกกินอาหารเฉพาะผักผลไม้ การกินวิตามินเสริม การออกกำลังกาย การล้างพิษ การพักผ่อนทำตัวให้อารมณ์ดีไม่เครียด มองโลกในแง่บวก ความตั้งใจที่จะ มีชีวิตต่อไป และที่สำคัญคือกำลังใจจากครอบครัว

อาหาร

ควบคุมอาหาร ไม่กินเนื้อสัตว์(รวมถึงเนื้อปลา) ไขมัน กินแต่ผัก ผลไม้ เกลือแร่และวิตามิน งดอาหารปรุงแต่งไม่รับประทานอาหารที่เป็นกรด เพราะเซลล์ที่ผ่าเหล่า จะตายในสภาพแวดล้อมที่เป็นด่าง และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด คุณจะทำให้ร่างกายของคุณเป็นด่างได้ ก็ด้วยการรับประทานอาหารที่เป็นด่างมากขึ้น น้ำผัก น้ำผลไม้สด มีประสิทธิภาพ สูงมาก - งดน้ำตาล โคคา-โคล่า เปปซึ่ และ น้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์ - รับประทาน ผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ำด่าง และน้ำมะพร้าว หากคุณต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ของสุขภาพอย่างน่าอัศจรรย์ในระยะเวลาอันสั้น ดื่มน้ำผักสดปั่นทุกเช้า โดยไม่ต้องรับประทานอะไรอีกเลย จนกว่าจะถึงมื้อเที่ยง นำผักใบเขียวหลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ำสะอาด แล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้าย และออกจะอร่อยด้วยซ้ำไป เมื่อคุณคุ้นเคยกับมัน

กินวิตามินซี ตามหลักของแพทย์องค์รวมเขาบอกว่า วิตามินซีต้องได้อย่างน้อย 20 กรัมต่อวัน ในร่างกายเรามีเซลล์อยู่ ประมาณ 75,000 ล้านเซลล์ เซลล์ดีจะมีเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งเหมือนเป็นเสื้อเกราะไม่ให้มะเร็งเข้ามาทำลายได้ แต่ถ้าเซลล์ไหนเป็นมะเร็งแล้ว เยื่อหุ้มเซลล์จะไม่มี แถมเซลล์มะเร็งจะสร้างเอนไซม์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวร้าย เอมไซม์ตัวนี้จะไปทำลายเสื้อเกราะของเซลล์อื่น ทำให้กลายเป็นมะเร็งต่อไปเรื่อย ๆ แต่พอวิตามินซีเข้าไปในกระแสเลือด มันจะไปทำลายเอนไซม์ตัวนี้ มะเร็งก็ไม่ขยายตัว นอกจากนี้วิตามินซีเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ มันช่วยลดความเครียดลงได้

เรากินวิตามินซีจากส้มเพียงพอหรือไม่ ? ท่านทราบหรือไม่ว่าส้มลูกหนึ่งมี วิตามินซีอยู่ 100 มิลลิกรัม หมายความว่าต้องกินจากต้น แต่ถ้าส้มหนึ่งลูก เก็บไว้เจ็ดวัน จะเหลือ 1 มิลลิกรัมเท่านั้น วิตามินซีหายหมดเลย ดังนั้นถ้า คุณจะกินส้มให้ได้ 4 พันมิลลิกรัม ต้องกินส้มสี่พันลูก กินวิตามินซีมาก ๆ ทางการแพทย์บอกว่าอาจจะมีปัญหากับระบบปัสสาวะ

ยังมีผลไม้อีกหลายชนิด ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น มังคุด ทับทิม โกจิเบอร์รี่ องุ่น เป็นต้น แต่หากเรากินผลไม้สดเป็นลูก ก็จะต้องกินเยอะมาก และผลไม้บางชนิดที่เปลือกไม่สามารถกินได้เช่นมังคุด แต่เปลือกมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก เพื่อให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระดังกล่าว ปัจจุบันจึงมีการสกัดสารอาหารจากผลไม้ดังกล่าวทั้งผล

ดีท๊อกซ์พิษ

การดีท๊อกซ์ มีทั้งดีท๊อกซ์ลำไส้ใหญ่ และตับ ซึ่งวิธีการดีท๊อกซ์มีหลายวิธี สามาถหาได้ในกูเกิ้ล

ลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในสมาชิกของระบบย่อยอาหาร มีความยาวประมาณ 1.5 เมตร ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายส่วนใหญ่อยู่ที่ลำไส้ใหญ่ ถ้าระบบนิเวศในลำไส้ใหญ่ดี (เต็มไปด้วยจุรินทรีย์ชนิดดีภูมิคุ้มกันจะดี ) แต่ถ้าระบบนิเวศในลำไส้ใหญ่แย่ (เต็มไปด้วยเศษอาหารเก่า สารพิษ จุลินทรีย์ชนิดก่อโรค ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะแย่ )

ตับเป็นอวัยวะที่เป็นฐานทัพใหญ่ เราจึงต้องถนอมตับ ถ้าตับไม่ดี ร่างกายจะฟื้นไม่ได้ ตับสำคัญที่สุด วิธีถนอมตับคือ อย่ากินมาก อย่าสะสมพิษให้ตับทำงานหนัก อย่าท้องผูก กินอาหารโปรตีนเข้าไปเยอะๆ ตับก็ทำงานหนัก เมื่อตับเราดี มันสามารถช่วยอย่างอื่นได้หมด ไตก็พลอยได้ประโยชน์ด้วย

อารมณ์ดี ไม่เครียด

ความเครียด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ควรปล่อยวาง ตัดเรื่องเครียดออกไป หากท่าน สามารถทำให้จิตของท่านมองโลกในทางบวก หรือทำให้จิตของท่านมีสมาธิ ตัวจิตนี้จะไปกระตุ้นต่อมพิทูอิตารี ให้หลั่งโกรทฮอร์โมนออกมา ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ ต่อมแอดดินอล ให้ขับแต่ฮอร์โมนชนิดดีๆ ออกมา เพื่อจะไปกระตุ้นให้อวัยวะต่างๆ ทำงาน จนกระทั่งต่อมต่างๆ ที่ผลิตภูมิต้านกิน หรือเม็ดเลือดขาว ทำงานเต็มที่

เริ่มที่จิต เมื่อจิตคิดดี ทำดี หรือสามารถทำสมาธิได้ สมองส่วนนี้ก็จะขับฮอร์โมนที่เป็นประโยชน์ออกมาทันที แต่ถ้าจิตมองโลกในทางลบ สมองส่วนนี้แทนที่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนชนิดดีออกมา มันไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้ผลิตฮอร์โมนอะดรินาลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากความเครียด ทำให้ผลิตเม็ดเลือดขาวที่อ่อนแอออกมา แล้วอย่าลืมว่า โกรทฮอร์โมนประกอบไปด้วยกรดอะมิโน 191 ชนิด แต่ท่านไม่ต้องไปหาซื้อกรดอะมิโนพวกนี้มากิน เพราะตับสามารถสังเคราะห์ได้หมด

อากาศ

หายใจเอาออกซิเจนเข้ามามากๆ เพราะยิ่งออกซิเจนเข้าไปในเลือดมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เลือดเราเป็นด่าง แต่ถ้าเราไม่ฝึกหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป เลือดเราจะเป็นกรด เพราะเลือดเราจะมีคาร์บอนไดออกไซด์สูงมาก จะทำให้ปวดเมื่อยร่างกายมาก จึงควรฝึกหายใจเพื่อเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป แล้วเอาออกซิเจนเข้ามา มันถึงจะหายปวดเมื่อย

วิธีการหายใจที่ถูกต้อง เงยหน้าเพื่อให้อากาศเข้ามากที่สุด เวลาหายใจเข้าพยายามให้เข้าทางรูจมูกเท่านั้น เพราะมันจะมีเครื่องกรองคือ ขนจมูก และจะมีเยื่อเมือก ๆ กรองด้วย การหายใจเข้า ให้ปอดพองมากที่สุดสามครั้งติด ๆ กันเลย ครั้งแรกกลั้นไว้ ครั้งที่ 2 กลั้นไว้ ครั้งที่ 3 กลั้นไว้ เหมือนใจจะขาด พอครบสามครั้ง ค่อย ๆ โน้มตัวลง อ้าปากเอาพิษออกให้หมด ยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ ปอดท่านยิ่งมีพลัง มะเร็งปอดจะไม่เป็น เพราะออกซิเจนเข้าไปเต็มที่ ของเสียออกมาเต็มที่

#cancer #มะเรง #มะเรงกบธรรมชาตบำบด #ธรรมชาตบำบด #สารตานอนมลอสระ